11 วิธีใช้งานมือถือที่ช่วยให้แบตเตอรี่ นานขึ้น


By Samsungparty


1. หน้าจอมือถือคือสิ่งสำคัญ

หน้าจอมือถือ เมื่อมีขนาดใหญ่ขึ้นก็ต้องใช้พลังงานมากในการให้ความสว่าง ต้องสังเกตที่ความสว่างหน้าจอและระยะเวลาเปิดหน้าจอ หรือ Screen Time out ค่ะ เพราะตั้งแต่เมื่อกลางปีที่แล้วมานี้หน้าจอมือถือของ Samsung มักจะใช้แบบความละเอียดสูง HD หรือ FullHD กันไปแล้ว ยิ่งที่ตั้งค่าหน้าจอให้สว่าง ก็จะยิ่งกินแบต แต่ถ้าเปิดให้มืดเกินไปก็จะไม่ดีต่อสายตาเรานะคะ ยิ่งการดูหนังด้วยแล้ว เพ่งมากๆ ก็มีผลต่อสายตา การตั้งค่าให้เป็น Auto Brightness เป็นทางออกทีดีที่สุด เพราะเค้าจะปรับแสงให้เองตามสภาพแสงรอบข้าง หรือการเลือกใช้แอพพลิเคชั่นเข้ามาช่วยในการจัดการแสงสว่างของหน้าจออย่าง Night Mode เป็นแอพที่ทำงานได้ดี ในการจัดการหน้าจอเวลาเรารู้สึกว่าจอยังสว่างเกินไปเมื่ออยู่ในที่มืด แอพนี่ปรับความสว่างให้ต่ำกว่าที่เครื่องกำหนดมาได้ค่ะ Download ที่นี่


2. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

การเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในสมัยใหม่นี่เรียกว่าเติบโตเร็วมาก ต่างประเทศถึง 4G เข้าไปแล้ว แต่จะขอแนะนำว่าดการใช้งานการโหลดข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายลงดีกว่า ถ้าอยู่ที่บ้าน ปิด 3G และใช้ Wifi บ้านดีกว่า หรือถ้าพื้นที่ที่มีฟรี WiFi ให้ใช้ ก็แนะนำให้ปิดการใช้งาน 3G ซะ นอกจากจะประหยัดเงินแล้วยังประหยัดแบตด้วย เบอร์หลักที่เราใช้อยู่ ไม่ได้เปิดบริการเน็ตเลยค่ะ เพราะที่อยู่ประจำก็จะเป็นบ้าน และออฟฟิศ ที่มี WiFi ตลอด แต่จะมีซิม 3G ต่างหากเอาไว้ 1 เครื่อง เป็นซิม TOT แบบเติมเงิน ไว้ใช้ในกรณีที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มี WiFi ก็ใช้ 3G จากซิมนี้ ค่าบริการถูกและยังเร็วมากๆ อีกด้วย แต่มีข้อเสียว่ากรุงเทพฯ จะใช้ได้ในพื้นที่โล่งๆ ถ้าอยู่ในบ้านอาจจะต้องขึ้นชั้น 2 ล่ะ ถึงจะมีสัญญาณ

ในกรณีของสัญญาณนี้รวมไปถึง GPS และ Bluetooth ด้วยนะคะ ใช้เสร็จแล้วก็เลือก Widget ขึ้นมาไว้บนหน้าจอเพื่อให้ได้เปิด-ปิดกันแบบสะดวกๆ

3. จับตามองแอพต้องสงสัย

สมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพดี ต้องสามารถทำให้โทรศัพท์มือถือเป็นไปได้ทุกอย่างสำหรับเรา ไม่ว่าจะเปิดไฟล์ แก้ไขเอกสาร ซิงค์คอนแทคจากเซอร์เวอร์ เชื่อมต่อ Twitter และ Facebook ตลอดเวลา เล่นเกมที่มีกราฟฟิคที่ดีเลิศบนหน้าจอขนาด 4.8 นิ้วด้วย CPU สูงๆ การ์ดจอเจ๋งๆ เพื่อให้ภาพในเกมออกมาสมจริง การสตรีมมิ่งวีดีโอแบบออนไลน์แก้เบื่อเวลารถติด ทั้งหมดนี้มันเป็นการซดแบตเตอรี่ของคุณอย่างมาก

บางแอพพลิเคชั่นบนมือถือ จะยังคงทำงานอยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้แบตเตอรี่ลดลงเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น Facebook ที่มีการรันแอพพลิเคชั่นอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากเราเปิดการเตือนให้เป็น push และตั้งค่าให้ Refresh ตลอดทุกๆ กี่นาที ลองดูกราฟการใช้งานแบตเตอรี่ในการตั้งค่าดูค่ะ บางทีอาจจะเห็นว่ามันกินแบตมากกว่าหน้าจอก็เป็นได้


ลองเลือกใช้วิธีการปิดแอพพลิเคชั่นที่เปิดค้างไว้จากแอพ Task Manager ทั้งหลาย หรือถ้าคุณใช้แอนดรอยด์ในเวอร์ชั่น 4.0 ขึ้นไป เค้าจะมีปุ่ม Recent apps หรือเข้าถึงโดยการกดปุ่ม Home ค้างไว้ ก็จะเห็นว่าเราเปิดอะไรทิ้งไว้บ้าง ก็จัดการปิดมันซะ เพื่อเป็นการช่วยให้ RAM ทำงานน้อยลง เพื่อที่จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ให้น้อยลงด้วยเช่นกันค่ะ


4. Widget และการซิงค์ข้อมูล

ในบางแอพพลิเคชั่นที่คุณคิดว่าใช้มันอยู่บ่อยๆ และสร้าง Widget ขึ้นมาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึง แต่บางทีมันก็เกิดความจะเป็นเกินไปค่ะ ยกตัวอย่าง Facebook เจ้าเก่า ถ้าคุณคิดว่าคุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเช็คความเคลื่อนไหวจากเพื่อนทุกๆ 3 ชั่วโมง ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าให้ Refres Interval ทุกๆ 30 นาทีหรอกค่ะ หรือ Weather Widget ตรวจสอบสภาพอากาศ เข้าไปเช็ค เมื่อต้องการรู้สภาพอากาศในวันนั้นๆ ก็พอ


5. ความร้อน

อันนี้เป็นเรื่องใหม่มากสำหรับเราเลย ใครจะเชื่อว่าการใช้งานโทรศัพท์ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง จะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่า อันนี้ก็ไม่เคยสังเกตด้วยเพราะบ้านเรามันเมืองร้อน แบตคงจะหมดไวเป็นปกติ ยกตัวอย่างในกรณีนึงคือ ห้ามวางโทรศัพท์ไว้บนเคสคอมพิวเตอร์ ความร้อนที่มาจากเคส มันจะทำให้แบตหมดไวขึ้น และถ้าคุณกำลังใช้งานโทรศัพท์และรู้สึกว่าเครื่องกำลังร้อนผิดปกติ ให้คุณปิดเครื่อง แล้วถอดแบตเตอรี่ออกมาวางไว้ในที่ที่เย็นกว่า ความเย็นจะทำให้แบตคุณใช้งานได้ยาวขึ้นอีกนิด


6. สังเกตุพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ

อาจจะวนกลับมาที่เรื่องการใช้งานอินเตอร์เน็ตอีก แต่ถ้าคุณอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณไม่ว่าจะเป็นสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ต แนะนำให้ปิดสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปก่อนค่ะ เพราะยิ่งปล่อยให้เครื่องค้นหาสัญญาณไปเรื่อยๆ คุณจะรู้สึกได้เองว่าเครื่องจะมีอาการร้อนขึ้นมา และก็นั่นล่ะ ทำให้แบตยิ่งหมดเร็วเพราะตัวเครื่องต้องทำงานหนัก ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็ให้ใช้สัญญาณ WiFi แทนไปก่อน


7. (Root) ตัวการคือแบนเนอร์โฆษณา

หลายคนอาจจะไม่รู้ ว่าเจ้า Ads. ที่อยู่ตามเว็บไซต์หรือบนแอพก็มีส่วนในการซดแบตเตอรี่ถึง 70% เพราะเมื่อตัวเครื่องต้องมีการประมวลผลการแสดงผลทางหน้าจอ ด้วยโปรแกรมต่างๆ ก็เป็นการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ซึ่งก็มีหลายวิธีที่จะปิดกั้นแบนเนอร์โฆษณาพวกนี้ อย่างเช่นการใช้แอพพลิเคชั่นที่ต้องจ่ายเงิน รับรองว่าจะไม่มีโฆษณาขึ้นมากวนใจ หรือทดลองใช้ AdAway เป็นแอพที่ใช้งานง่ายและสะดวก สามารถบล็อคได้ทั้งโฆษณาบนแอพฯและบนเว็บไซต์


8. (Root) หา Kernel ที่ดี

บางครั้งตัวโทรศัพท์เองก็ทำได้ไม่พอตามที่ต้องการ ดังนั้น การหา Kernel ที่เหมาะกับเครื่อง ที่ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของแบตเตอรี่มาแล้วก็เป็นตัวเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง สมาร์ทโฟนในตระกูล Nexus นั้นมี Kernel มากมายให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้เป็นสิบ สามารถลองได้หลากหลายเพื่อการทำงานของเครื่องที่ดีที่สุด แต่บางรุ่นก็กลับหายากเหลือเกิน และการแฟลช Kernel ก็ไม่ได้ยากอะไรมากมาย ถ้าคุณเคยทำการแฟลชรอมมาแล้ว ลองหาข้อมูลจากเว็บ XDA ค่ะมีข้อมูลมากมายอยู่ในนั้น *แต่การแฟลชรอมหรือ Kernel มีความเสี่ยง ต้องศึกษาให้ดีก่อนลงมือทำ ถ้าพลาดพลั้งไป ศูนย์ไม่รับซ่อมและเคลมนะคะ*


9. (Root) ปรับความเร็วของ CPU

เป็นวิธีการที่คล้ายกับการปรับแต่ง Kernel รอมบางตัวอย่างเช่น Cyanogenmod จะสามารถให้คุณเข้าไปเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าพวกความเร็ว CPU ได้หรืออาจจะเรียกกว่าการ Overclock การปรับแต่งการตั้งค่าพวกนี้ ทำให้ตัวเครื่องสามารถใช้งาน CPU ได้เต็มความสามารถมากขึ้นค่ะ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้พลังงานอย่างมากมาย นั่นก็เป็นเหตุผลหลักที่แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น วิธีการที่ทางเว็บเค้าแนะนำคือการ HotPlug ค่ะ เป็นการปิดการใช้งานของ CPU ลง 1 core โดยที่ไม่ต้องปิดเครื่อง ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนนี้ต้องหาศึกษากันเองตามเว็บที่ทำการ Modify เครื่อง และต้องมีความชำนาญในระดับหนึ่งเลยแหละ


แต่ก็ไม่ใช่จะมีการปรับแต่ง CPU ในทุกๆ รอมที่ปล่อยให้โหลดนะคะ มีแอพพลิเคชั่นที่สามารถจะปรับแต่งส่วนนี้ได้อยู่เหมือนกัน การปรับความเร็ว CPU ให้ช้าลง สามารถประหยัดแบตเตอรี่ได้ค่ะ แต่ประสิทธิภาพการใช้งานก็ต่ำลงด้วย อันนี้ก็ต้องเลือกกันเองนะ


10. (Root) หารอมใหม่มาลองใช้

ถ้า Stock ROM ไม่ใช่คำตอบ Custom ROM ทั้งหลายอาจจะช่วยคุณได้ อย่างที่บอกไปแล้วค่ะ XDA-Developer คือแหล่งข้อมูลอย่างมหาศาล มี Custom ROM มากมายให้เลือกใช้ และยิ่งใช้งานคู่กับ Kernel ดีๆ ก็เป็นการช่วยให้เครื่องมีประสิทธิภาพทีขึ้น ในโทรศัพท์เพียงรุ่นเดียว อาจจะมีรอมมาให้เลือกใช้เป็นสิบ แต่ละตัวก็จะมีการปรับแต่งการทำงานต่างกัน บางตัวก็เน้นที่แบตเตอรี่เป็นหลัก ก็ให้เลือกเอาที่ตรงกับการใช้งานของแต่ละคนนะคะ แต่ก็ฝากเอาไว้อีกทีว่า *การแฟลชรอมมีความเสี่ยงค่ะ ต้องศึกษาให้ดีก่อนลงมือทำ* แล้วก็อ่านรายละเอียดของรอมแต่ละตัวให้ดีว่าต้องทำขั้นตอนอะไรยังไงบ้าง เวลาแฟลช เครื่องจะได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าสมาร์ทโฟนที่คุณใช้อยู่ วันๆ ใช้แต่เพียง Facebook, LINE, Instagram นัก Social ทั้งหลาย ไม่ต้องเปลี่ยนรอมให้ยุ่งยากเลยค่ะ


11. คำตอบที่ดีที่สุดคือแบตเตอรี่สำรอง และ Mobile Booster

ถ้าทั้งหมด 10 ข้อที่กล่าวมา คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่จะปิด 3G อัพรอมไม่เป็นแต่อยากดูหนัง เล่นเกมส์ ต้องใช้งานโทรศํพท์อยู่ตลอดเวลาเช่นการรับส่งอีเมล์ ถ้าสมาร์ทโฟนที่คุณใช้สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้ได้อยู่แล้วยกเว้น Tablet ก็แนะนำให้ซื้อแบตเตอรี่สำรองไว้ที่ ก้อนหรือสองก้อน ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาแบตเตอรี่ที่ต้นเหตุ แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาที่ดี ถ้าคุณใช้โทรศัพท์เยอะ ก็ต้องยอมที่จะพกแบตเตอรี่ไปไหนมาไหนตลอดเวลา หรือการซื้อตัวสำรองไฟ หรือ Mobile Booster ซึ่งสะดวกกว่าการเปลี่ยนแบตไปมา ก็ดีและตอนนี้ก็นิยมใช้กันมากมาย แต่ควรเลือกยี่ห้อและรุ่นให้ดีๆ นะคะ ของปลอมของจีนแดงที่เลียนแบบของที่มีมาตรฐานมากมาย ของดีราคาถูก ชั่งใจก่อนซื้อนะคะ โทรศัพท์เสียขี้นมาจะไม่คุ้ม…

และนี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดของทิปการปรับแต่งการใช้งานเครื่องเพื่อให้แบตเตอรี่หมดช้าลง ลองค้นหาวิธีอื่นๆ ที่แตกต่างกันไปดูแล้วเอามาแชร์กันค่ะ ซึ่งบทความนี้ส่วนใหญ่ก็จะแนะนำเป็นพิเศษสำหรับคนที่พร้อมจะ Root เครื่อง และเขียนขึ้นมาเพื่อแนะนำให้เลือกใช้งานในส่วนที่จะช่วยให้คุณเซฟแบตได้ หวังว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้างสำหรับหลายๆ คนนะคะ

ตั้งค่า APN ของ AIS 3G

ตั้งค่า APN เพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตดังนี้นะคะ

1.เข้าเมนู Setting > More setting > Mobile Network

2.เลือก Access Point Names > กดปุ่ม Popup menu เลือก New APN

3.ใส่รายละเอียดการตั้งค่าดังนี้

Internet

APN : internet



MMS

Name : AIS MMS

APN : multimedia

Proxy : 203.170.229.34

Port : 8080

MMSC : http://mms.mobilelife.co.th




เลือก network mode

เข้าเมนู settings > Wireless and Network > More settings > Mobile networks เลือกที่ Network mode เลือก GSM/WCDMA (Auto mode)




เลือกเครือข่ายแบบ Manual เข้าเมนู settings > Wireless and Network > More settings > Mobile networks เลือก Network Operators เลือก Search Networks และรอสักครู่ จากนั้นเลือกเครือข่าย 52003 หรือ 520-3 หรือ AIS

How To Make Your Mobile Phone Battery Last Longer

By Katie Albert



Extending the life of your battery can be critical, especially if you are away from where you can charge it. It you are continuously using your smartphone like me then you probably are disappointed when your battery is unexpectedly exhausted not very long after charging it! Many cell phones today don't deliver a very long battery charge out of the box whether it's an Android, iPhone, BlackBerry, Palm Pre or whatever you got! So here are some energy saving tips to help extend the time you get out of each charge on your phone:
  • Decrease The Screen Brightness. In many situations, such as indoors, you don't need the brightness on your screen to be set to the highest level. Lowering the screen brightness can save a lot of precious battery juice.
  • Go Without Those Good Vibrations. While we all may like to have vibrate mode on, it should be turned off! Vibrate mode on your phone uses a lot more power than a basic ring tone on your phone.
  • Turn Off Wi-Fi, Bluetooth and GPS. Keep these services off when you are not using them so they don't needlessly suck your battery dry.
  • Use Black Backgrounds. White is an energy intense color and uses a lot more energy than black so wherever possible use darker colors. You can even Google in black at bGoog.com. Mobile phones with AMOLED screens have the biggest savings displaying black with some units using up to 7 times less power!
  • Check Email As You Need It. Most modern cell phones can check email automatically at some configured schedule or have it pushed to the phone. These features can consume energy needlessly when you want you phone running the longest. Simply turn them off and check your email manually or extend the schedule to have the checks as far apart as possible.
  • Turn The Volume Down. Only have your volume set as loud as you need it when listening to music or watching videos as the louder it is the more power it's draining your battery.
  • Use Basic Ring Tones. The more your phone has to do the more power it is going to use doing it. Advanced ring tones may sound better but your phone will die sooner!
  • Lower Display Timeout. Set the lowest possible timeout for your mobile phone to turn off the display after using it. Better yet, turn off the display whenever you use the phone and don't let it auto turn it off after the set period of time.
  • Turn Off Your Phone. There may be extended times when you are away from your mobile phone or won't be answering calls and powering it down obviously saves power. You will also want to turn it off if you know you will be out of range for an extended period of time and can't get network service. Many phones consume a lot more power searching for a network connection when they are out of range.
  • Keep Your Battery Cool. Hot heat is a battery killer causing poor performance and can even cause your battery permanent damage! Avoid leaving your phone in your car on those hot summer days.
Learn more about why black is better for your mobile phone at Black Google Mobile!

อุปกรณ์ใส่ Sim Card สองเบอร์ในเครื่องเดียว จะทำให้ข้อมูลหายหรือไม่

ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือจำนวนมากที่ต้องการมีเบอร์โทรศัพท์ 2 เบอร์ภายในเครื่องเดียว โดยหวังว่าจะได้มีความคล่องตัวและสะดวกในการใช้งานมากขึ้น ซึ่งบรรดาร้านค้าต่างๆ ก็มีการตอบสนองด้วยการนำอุปกรณ์พิเศษที่สามารถทำให้ใส่ Sim Card ได้ 2 อันภายในมือถือเครื่องเดียวกัน แต่ก็มักจะกังวลอยู่เสมอว่าจะมีผลเสียต่อเครื่องหรืออุปกรณ์ภายในอื่นๆ หรือไม่

ซึ่งจริงๆ แล้วอุปกรณ์ประเภทที่ว่านี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายใดๆ ต่อเครื่องโทรศัพท์มือถือของคุณ แต่จะมีปัญหาในเรื่องของลักษณะการใช้งานเสียมากกว่า เช่นหากทำการใส่รหัสเพื่อเปลี่ยนจากเบอร์หนึ่งไปอีกเบอร์หนึ่ง ก็จะทำให้ข้อมูลประวัติการโทรของเบอร์ก่อนหน้านั้นถูกลบทิ้งไป ไม่ว่าจะเป็นหมายเลขที่รับสาย (Received Calls) หมายเลขที่ไม่รับสาย (Missed Calls) หรือหมายเลขที่โทรออก (Dialed Calls) ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการปิดเครื่องแล้วถอด Sim Card อันเดิม มาใส่แทน Sim Card อันเก่านั่นเอง เพราะฉะนั้น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็แนะนำให้ใช้ Sim Card อันเดียวต่อเครื่องโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องก็จะดีที่สุด

อาการแบตเตอรี่หมดเร็ว ปัญหานี้มีคำตอบครับ

คิดว่าคงมีผู้ใช้โทรศัพท์ Smart Phone (Symbian OS) หลาย ๆ คนประสบปัญหาแบตเตอรี่หมดเร็วกันนะครับ ทั้งที่ในรายละเอียดของโทรศัพท์บอกว่าสามารถใช้งานได้ถึง 150 - 200 ชั่วโมง (ประมาณ 6 - 8 วัน) แต่เอาเข้าจริงแค่ 1 - 2 วันแบตเตอรี่ก็หมดแล้ว มาดูกันครับว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว
1. มีการเรียกใช้โปรแกรมหลาย ๆ ตัวพร้อม ๆ กัน
2. Run โปรแกรมเป็น Background Process ทิ้งไว้แล้วลืมปิด เช่นเผลอเปิดเกมทิ้งไว้จากนั้นก็กดปุ่มเมนูไปใช้โปรแกรมอื่นแล้วลืมปิดเกม
3. การใช้ Screen Saver เป็นภาพสี / ภาพเคลื่อนไหว ข้อนี้จะทำให้แบตเตอรี่ของเครื่องคุณหมดเร็วกว่าคนที่ใช้ Screen Saver ภาพขาวดำ --> Screen Saver ที่มากับระบบ
4. โหลดโปรแกรม Autostart ไว้หลายตัว บางคนลงโปรแกรมที่เริ่มทำงานอัตโนมัติไว้เยอะมากทั้ง Screen Saver, SmartAnswer, PowerDictaphone ฯลฯ ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้จะมาช่วยคุณเผาผลาญแบตเตอรี่ให้หมดเร็วขึ้นครับ
5. เปิดโปรแกรมที่มีการเปิดไฟหน้าจอ (back Light) โปรแกรมที่มีการใช้ไฟหน้าจอจะทำให้แบตเตอรี่หมดอย่างเร็วมาก ไม่เกิน 4 - 5 ชั่วโมง ก็จะทำให้แบตเตอรี่หมด

เทคนิคช่วยทำให้ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานขึ้น
1. เรียกใช้โปรแกรมเท่าที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น ไม่ควรโหลดทิ้งไว้หลาย ๆ ตัว อย่าทำตัวขี้เกียจครับเพราะจะทำให้แบต ฯ คุณ หมดเร็ว
2. เมื่อเลิกใช้โปรแกรมใด ๆ แล้วควร Exit จากโปรแกรมนั้นทันที ไม่ควรกดปุ่ม เมนู เพราะอาจทำให้คุณลืมและเผลอเปิดโปรแกรมเหล่านั้นค้างไว้ได้
3. หลีกเลี่ยงการใช้ Screen Saver ภาพเคลื่อนไหว ลองถามตัวคุณเองว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมี Screen Saver สวย ๆ เพราะโปรแกรม Screen Saver เหล่านี้จะทำงานก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้ใช้เครื่องเท่านั้น !
4. ปิดไฟหน้าจอ ช่วยชาติ เอ๊ยปิดไฟหน้าจอเพื่อช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น ใครที่ชอบใช้ eProfile มาแก้ให้ไฟหน้าจอเปิดตลอดเวลาก็รีบไปแก้กลับซะนะครับ

อันตรายไวรัสบน Symbian2

ทุกวันนี้มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Symbian เป็นที่นิยมขึ้นอย่างมาก และมีโทรศัพท์มากมายหลายรุ่นที่หันมาใช้ระบบปฏิบัติการตัวนี้ เช่น
1. Nokia --> 7650, 3650, N-Gage, 6600, QD, 7610 and More....
2. Siemens --> SX1
3. Sony --> P800, P900 and More...

จึงไม่น่าแปลกใจเลยใช่ไหมครับ ที่จะมีคนพัฒนาไวรัสขึ้นมาในระบบ Symbian นี้มาดูกันดีกว่าครับว่าไวรัสบน Symbian สามารถทำอันตรายได้มากแค่ไหน

1. permanently burn out your SIM card (ทำให้ Sim เสียหายถาวร)
2. delete your address book (ลบข้อมูลใน Address Book)
3. randomly send pictures from your phone's camera to people in your address book (ส่งไฟล์รูป (ลับ) ของคุณไปหาคนอื่น ๆ ใน Address book (Oh ! My God)
4. make an expensive overseas phone call (โทรข้ามโลก เอ๊ยไม่ใช่โทรไปต่างประเทศ)
5. use your phone to send SMS spam (ส่ง Spam SMS or MMS เช่นไวรัสในเกมยิงยุง เวอร์ชั่น 2.0"

[b]โปรแกรม Antivirus บน Symbian
1. SimWorks Anti-Virus S60
2. TSG Phone Safe
(Update ฟรี 12 เดือน ถ้าซื้อ Product)

รู้จักกับโทรจัน
สิ่งที่อันตราย พอ ๆ กับไวรัส หรืออาจจะอันตรายยิ่งกว่าไวรัส ก็คือโทรจัน มารู้จักกับโทรจันกันดีกว่าครับ โทรจันคือโปรแกรมแอบแฝงที่จะทำงานอัตโนมัติใน Background Mode และมันจะแอบล้วงข้อมูลสำคัญ ๆ ของคุณเช่นรหัสบัตรเครดิต / Password / รูป / เอกสาร ฯลฯ และส่งกลับไปยังผู้สร้างมัน ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายอย่างมาก (คนอื่นได้ข้อมูลที่เป็นความลับของเราไปแล้ว) การป้องกันคือหมั่นตรวจดู Process ของเครื่องเราว่ามี S/W แปลก ๆ มาทำงานโดยไม่ได้สั่งหรือไม่ หรือวิธีที่ง่ายที่สุดคือติดตั้งโปรแกรม Antivirus ที่มีความสามารถในการตรวจจับโทรจันครับ

แถมท้ายเทคนิคป้องกันความเสียหายจากไวรัส
1. ติดตั้งโปรแกรม Anti Virus (อันนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว แต่การมีโปรแกรม Anti virus ไม่ได้หมายความว่าเครื่องคุณจะปลอดภัยจาก Virus 100% นะครับ คุณต้องหมั่น Update ตัว Dat ให้เป็นปัจจุบันเสมอ)
2. หมั่นเช็คยอดเงินก่อนติดตั้งโปรแกรมที่ไม่แน่ใจว่าติดไวรัสหรือไม่ เพื่อจะได้ตรวจสอบได้ว่าเครื่องเราส่ง SMS / MMS / โทรข้ามประเทศ ไปโดยไม่รู้ตัวหรือไม่
3. ใช้โหมด Offline ให้เป็นประโยชน์ ถ้าคุณอยากใช้โปรแกรมที่ติดไวรัส ประเภทส่ง Spam SMS / MMS หรือโทรข้ามประเทศ โหมดนี้จะช่วยคุณได้
4. ใช้ SIM ที่หมดอายุไปแล้ว วิธีนี้จะปลอดภัย 100% สำหรับไวรัส ประเภทส่ง Spam SMS / MMS หรือโทรข้ามประเทศ

อยากทราบวิธี Hard Reset N-Gage อย่างระเอียดครับ

การทำ Hard Reset มี 2 วิธีหลัก ๆ คือ
1. การกดรหัสคำสั่ง ให้เรากดปุ่ม *#7370# จากนั้นตอบ Yes ก็จะเป็นการทำ Hard Reset (วิธีนี้ในบางครั้งก็ลบไฟล์ได้ไม่หมด)
2. ปิดเครื่องก่อนจากนั้น กดปุ่ม "สีเขียว + 3 + * " ค้างไว้ ตอนเปิดเครื่องพอขึ้นคำว่า Format ให้ปล่อยปุ่ม และรอจนกว่าจะ Format เสร็จวิธีนี้จะเป็นการทำ Hard Reset ที่ดีกว่าวิธีแรกครับ โปรแกรมจะถูกลบได้หมดจดกว่า

เมื่อทำเสร็จแล้วก็ควร Format MMC ซะด้วยนะครับ จะได้เกลี้ยงเหมือนตอนซื้อมาใหม่ ๆ ไงครับ
ไหน ๆ ก็พูดถึงการทำ Hard Reset แล้วก็จะขอพูดถึงการทำ By Pass (Boot แบบไม่โหลดอะไรเลย) ซักหน่อยครับการทำ By Pass Boot ก็มี 2 วิธีอีกแหละครับ

1. ปิดเครื่องจากนั้นกดปุ่ม "ดินสอ" ค้างไว้แล้วเปิดเครื่อง

2. เทคนิคเฉพาะ N-Gage หรือรุ่นที่มี USB คือให้ต่อสาย USB ไว้แล้วเปิดเครื่อง จะทำให้เครื่องไม่สามารถเรียกใช้งาน MMC ได้โดยสิ้นเชิง เพราะถูกคอมพิวเตอร์เรียกใช้อยู่ครับ วิธีนี้ใช้งานได้ดีกว่าวิธีแรกมาก แถมไม่เมื่อยมืออีกต่างหากครับ แต่คุณต้องใช้ N-Gage นะครับ